วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556
บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 6 (12/12/56)
การเรียนการสอนและกิจกรรมที่ทำในชั้นเรียน
- วันนี้อาจารย์ได้อธิบายเรื่องพัฒนาการ
2.ทำให้สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
- เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้ากว่าเด็กปกติในวัยเดียวกัน
- พัฒนาการล่าช้าอาจพบเพียงด้านใดด้านหนึ่ง หลายด้านหรือทุกด้าน
- พัฒนาการล่าช้าในด้านหนึ่งอาจส่งผลให้พัฒนาการในด้านอื่นล่าช้าด้วยก็ได้
ปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาการเด็ก
- ปัจจัยทางด้านชีวภาพ
- ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมก่อนคลอด
- ปัจจัยด้านกระบวนการคลอด
- ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมหลังคลอด
สาเหตุที่ทำให้เกิดความบกพร่องทางพัฒนาการ
- โรคทางพันธุกรรม
- โรคของระบบประสาท
- ติดเชื้อ
- ความผิดปกติเกี่ยวกับเมตาบอลิซึม
- ภาวะแทรกซ้อนระยะเเรกเกิด
- สารเคมี ได้แก่ ตะกั่ว/แอลกอฮอล์/Fetal alcohol syndrome (FAS)/นิโคติน
- การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสมรวมทั้งการขาดสารอาหาร
อาการของเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
- มีพัฒนาการล่าช้า ซึ่งอาจจะพบมากกว่า 1 ด้าน
- ปฏิกิริยาสะท้อน (primtive reflex) ไม่หายไปแม้จะถึงช่วงอายุที่ควรจะหายไป
แนวทางการวินิจฉัยเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
- การซักประวัติ
- ตรวจร่างกาย
- การสืบค้นทางห้องปฏิบัติการ
- ประเมินพัฒนาการ
- การซักประวัติ
- ตรวจร่างกาย
- การสืบค้นทางห้องปฏิบัติการ
- ประเมินพัฒนาการ
บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 4 (28/11/56)
การเรียนการสอนและกิจกรรมที่ทำในชั้นเรียน
- วันนี้อาจารย์ได้อธิบายความหมายของเด็กพิเศษ ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว
- เด็กที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้
- เด็กที่ควบคุมพฤติกรรมบางอย่างของตนเองไม่ได้
- ทำให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเรียบร้อย
แบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ
- เด็กที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางอารมณ์
- เด็กที่ปรับตัวเข้ากับสังคมไม่ได้
เด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรม ซึ่งจัดว่ามีความรุนแรงมาก ได้แก่.
1.เด็กสมาธิสั้น ( เรียกย่อยๆว่า ADHD )
2.เด็กออทิสติก หรือ ออทิสซึม
ประเภทที่ 7 เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
- เรียกย่อๆว่า L.D.
- เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้เฉพาะอย่าง
- เด็กที่มีปัญหาทางการใช้ภาษา หรือการพูด การเขียน
- ไม่นับรวมเด็กที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อยทางการเรียน เด็กที่มีปัญหาเนื่องจากความพิการหรือความบกพร่องทางร่างกาย
ลักษณะของเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
- มีปัญหาในทักษะคณิตศาสตร์
- ปฏิบัติตามคำสั่งไม่ได้
- เล่าเรื่อง / ลำดับเหตุการณ์ไม่ได้
- มีปัญหาทางด้านการอ่าน เขียน
ประเภทที่ 8 เด็กออทิสติก
- หรือ ออทิซึม
- เด็กที่มีความบกพร่องอย่างรุนแรงในการสื่อความหมายพฤติกรรม สังคม และความสามารถทางสติปัญญาในการรับรู้
- เด็กออทิสติกแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ของตนเอง
- ติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต
ลักษณะของเด็กออทิสติก
- อยู่ในโลกของตนเอง
- ไม่เข้าไปหาใครเพื่อปลอบใจ
- ไม่เข้าไปเล่นในกลุ่มเพื่อน
- ไม่ยอมพูด
- เคลื่อนไหวแบบช้าๆ
- ยึดติดวัตถุ
- ต่อต้าน หรือแสดงกิริยาอารมณ์รุนแรง และไร้เหตุผล
- มีที่ทำเหมือนหูหนวก
- ใช้วิธีการสัมผัส และเรียนรู้สิ่งต่างๆ ด้วยวิธีการที่ต่างไปจากคนทั่วไป
ประเภทที่ 9 เด็กพิการซับซ้อน
- เด็กที่มีความบกพร่องที่มากกว่าหนึ่งอย่าง เป็นเหตุให้เกิดปัญหาขัดข้องในการเรียนรู้อย่างมาก
- เด็กปัญญาอ่อนที่สูญเสียการได้ยิน
- เด็กปัญญาอ่อนที่ตาบอด
- เด็กที่ทั้งหูหนวกและตาบอด
- ต่อจากนั้น อาจารย์ได้แจกกระดาษ A4 ให้นักศึกษาคนละ 1 แผ่น และให้ดูคลิปโทรทัศน์ครู เรื่องศูนย์การศึกษาพิเศษ โรงเรียนสาธิตละอออุทิศ แล้วสรุปเป็น Mind Map ลงในแผ่นกระดาษ A4 ที่อาจารย์แจกให้
วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 3 (21/11/56)
การเรียนการสอนและกิจกรรมที่ทำในชั้นเรียน
- อาจารย์ได้อธิบาย ควมหมายของเด็กพิเศษ ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว
- เด็กที่มีอวัยวะที่สมส่วน
- อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหายไป
- มีปํญหาทางระบบประสาท
- มีความลำบาก
จำแนก 2 ประเภท 1. อาการบกพร่องทางร่างกาย 2. ความบกพร่องทางุขภาพ
ประเภทที่ 5 เด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
เด็กจะพูดไม่ชัด ออกเสียงผิดเพี้ยน อวัยวะที่ใช้ในการพูดไม่สามารถเป็นไปตามลำดับขั้น
- ความผิดปกติด้านการออกเสียง ออกเสียงผิดเพี้ยงไปจากมาตรฐานของภาษาเดิม
- ความผิดปกติด้านจังหวะเวลาของการพูด เช่น การพูดรัว การพูดติดอ่าง
- ความผิดปกติด้านเสียง ระดับเสียง ความดัง คุณภาพของเสียง
- ความผิดปกติทางการพูดและภาษาอันเนื่องมาจากพยาธิที่สมอง
สะท้อนการเรียนรู้
- ได้ความรู้เกี่ยวประเภทของเด็กพิเศษเพิ่มเติมมากขึ้น
- ทำให้สามารถจำเนื้อหาการเรียนได้ดีขึ้น เพราะอาจารย์ได้ให้นักศึกษาจดเนื้อหาการเรียนใส่สมุดแต่หลังจากการเรียนอาจารย์จะแจกชีสเนื้อหาให้อีกที
การบ้าน
- บล็อค(บันทึการเข้าเรียนครั้งที่3)
วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 2 (14/11/56)
การเรียนการสอนและกิจกรรมที่ทำในชั้นเรียน
- วันนี้อาจารย์ได้สรุปคะแนนทั้งหมด ดังนี้
- จิตพิสัย 10 คะแนน
- งานเดี่ยว (วิจัย) 10 คะเเนน
- งานกลุ่ม (นำเสนอ) 20 คะแนน
- บันทึกอนุทินลง Blog 20 คะแนน
- โทรทัศน์ครู 10 คะแนน
- สอบกลางภาค 15 คะแนน
- สอบปลายภาค 15 คะแนน
- อาจารย์ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่ม 9 คน 3 กลุ่ม / 10 คน 2 กลุ่ม โดยมีหัวข้อเรื่องที่ต้องทำ ดังนี้
- เด็ก ซี.พีเด็ก
- ดาวน์ซินโดรม
- เด็กออทิสติก
- เด็กสมาธิสั้น
- เด็กแอลดี
- ซึ่งกลุ่มของดิฉันได้หัวข้อ เรื่อง เด็กออทิสติก
- ทางการเเพทย์ จะเรียกว่า "เด็กพิการ" เพื่อใช้เกี่ยวกับการบำบัดรักษาเด็ก หมายถึง เด็กที่มีความผิดปกติ มัความบกพร่อง สูญเสียสมรรถภาพ อาจเป็นความผิดปกติ ความบกพร่องทางกาย การสูญเสียสมรรถภาพทางสติปัญญา ทางจิตใจ
- ทางการศึกษา หมายถึง เป็นเด็กที่ต้องได้รับการศึกษาเฉพาะของตัวเอง ซึ่งจำเป็นต้องจัดการศึกษาให้ต่างไปจากเด็กปกติทางด้านเนื้อหา กลักสูตร กระบวนการที่ใช้และกระประเมินผล
เด็กที่ไม่อาจพัฒนาความสามารถได้เท่าที่ควรจากการให้การช่วยเหลือ และการสอนตามปกติ
มีสาเหตุจากสภาพความบกพร่องทางร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ จำเป็นต้องได้รับการกระตุ้น ช่วยเหลือ การบำบัด และฟื้นฟู จัดการเรียนการสอนที่เหมาะกับลักษณะและความต้องการของเด็กแต่ละบุคคล
ประเภทของเด็กพิเศษ มี 10 ประเภท แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ 2 กลุ่ม คือ
- กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความสามารถสูง มีความเป็นเลิศทางสติปํญญา เรียกโดยทั่วๆไปว่า "เด็กสติปํญญาเลิศ"
- กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความบกพร่อง
- เด็กบกพร่องทางสติปัญญา
- เด็กบกพร่องทางการได้ยิน
- เด็กบกพร่องทางการเห็น
- เด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
- เด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
- เด็กบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
- เด็กที่มีปํญหาทางการเรียนรู้
- เด็กออทิสติก
- เด็กพิการซ้อน
- เด็กบกพร่องทางการได้ยิน
- เด็กบกพร่องทางการเห็น
- เด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
- เด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
- เด็กบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
- เด็กที่มีปํญหาทางการเรียนรู้
- เด็กออทิสติก
- เด็กพิการซ้อน
ประเภทที่ 1 เด็กบกพร่องทางสติปัญญา
หมายถึง เด็กที่มีระดับสติปํญญาหรือเชาว์ปํญญาต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยเมื่อเทียบเด็กในอายุเดียวกัน มี 2 กลุ่ม คือ 1. เด็กเรียนช้า 2. เด็กปัญญาอ่อน
ประเภทที่ 2 เด็กบกพร่องทางการได้ยิน
หมายถึง สูญเสียการได้ยินเป็นเหตุให้การรับฟังเสียงต่างๆ ได้ไม่ชัดเจน มี 2 ประเภท คือ 1. หูตึง 2. หูหนวก
ประเภทที่ 3 เด็กบกพร่องทางการเห็น
เด็กที่มองไม่เห็นหรือพอเห็นแสง เห็นเลือนลาง มีความบกพร่องทางสายตาทั้งสองข้าง สามารถเห็นได้ไม่ถึง 1/10 ของคนสายตาปกติ มีลานสายตากว้งไม่เกิน 30 องศา จำแนกได้ 2 ประเภท คือ 1. เด็กตาบอด 2. เด็กตาบอดไม่สนิท
หมายถึง เด็กที่มีระดับสติปํญญาหรือเชาว์ปํญญาต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยเมื่อเทียบเด็กในอายุเดียวกัน มี 2 กลุ่ม คือ 1. เด็กเรียนช้า 2. เด็กปัญญาอ่อน
ประเภทที่ 2 เด็กบกพร่องทางการได้ยิน
หมายถึง สูญเสียการได้ยินเป็นเหตุให้การรับฟังเสียงต่างๆ ได้ไม่ชัดเจน มี 2 ประเภท คือ 1. หูตึง 2. หูหนวก
ประเภทที่ 3 เด็กบกพร่องทางการเห็น
เด็กที่มองไม่เห็นหรือพอเห็นแสง เห็นเลือนลาง มีความบกพร่องทางสายตาทั้งสองข้าง สามารถเห็นได้ไม่ถึง 1/10 ของคนสายตาปกติ มีลานสายตากว้งไม่เกิน 30 องศา จำแนกได้ 2 ประเภท คือ 1. เด็กตาบอด 2. เด็กตาบอดไม่สนิท
สะท้อนการเรียนรู้
- ได้ความรู้เกี่ยวความหมาย ประเภทของเด็กพิเศษ
- ทำให้สามารถจำเนื้อหาการเรียนได้ดีขึ้น เพราะอาจารย์ได้ให้นักศึกษาจดเนื้อหาการเรียนใส่สมุดแต่หลังจากการเรียนอาจารย์จะแจกชีสเนื้อหาให้อีกที
การบ้าน
- บล็อค(บันทึการเข้าเรียนครั้งที่2)
บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 1 (07/11/56)
การเรียนการสอนและกิจกรรมที่ทำในชั้นเรียน
- อาจารย์เบียร์ได้แจกแนวการสอน(Course Syllabus) พร้อมทั้งชี้แจงและอธิบายรายละเอียดต่างๆให้นักศึกษาทราบ
- อาจารย์ได้แจกใบบันทึกการเข้าเรียน โดยแต่ละสัปดาห์นักศึกษาจะต้องนำใบบันทึกการเข้าเรียนมาให้อาจารย์เบียร์ปั้ม *สัปดาห์นี้อาจารย์ได้ปั้มรูปคิตตี้สีแดงให้
- อาจารย์ให้นักศึกษาทำ Mind Mapping ในหัวข้อเรื่องเด็กพิเศษ โดยให้นักศึกษาแต่ละคนนำความรู้ที่มีหรือจากประสบการณ์เดิมมาใส่ พร้อมตกแต่งให้สวยงาม หลังจากนั้นอาจารย์ให้ส่งตัวแทนห้อง 2 คนออกมานำเสนอผลงานให้เพื่อนและอาจารย์ฟัง
สะท้อนการเรียนรู้
- ทำให้ได้รู้จักการจัดสรรเวลาในการทำงานแต่ละชิ้นแต่ละอย่างได้อย่างเหมาะสม
- สามารถนำความรู้เดิมๆมาสะท้อนในการทำ Mind Mapping ได้
- ทำให้รู้จักเป้นคนตรงต่อเวลา
การบ้าน
- งานเดี่ยว = ทำBlog(การบันทึกการเข้าเรียน) โดยมีหัวข้อดังต่อไปนี้คือ การเรียนการสอน กิจกรรมที่ทำในชั้นเรียน สะท้อนการเรียนรู้ *โดยกิจกรรมที่ทำในชั้นเรียนจะต้องมีรูปภาพชิ้นงานด้วย
- งานเดี่ยว = สรุปวิจัยเกี่ยวกับเด็กพิเศษ โดยวิจัย 1 เรื่องจะซ้ำกันได้แค่ 2 คน
- งานกลุ่ม = แบ่งกลุ่มละ 10 คน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)