การเรียนการสอนและกิจกรรมที่ทำในชั้นเรียน
- วันนี้อาจารย์ได้สรุปคะแนนทั้งหมด ดังนี้
- จิตพิสัย 10 คะแนน
- งานเดี่ยว (วิจัย) 10 คะเเนน
- งานกลุ่ม (นำเสนอ) 20 คะแนน
- บันทึกอนุทินลง Blog 20 คะแนน
- โทรทัศน์ครู 10 คะแนน
- สอบกลางภาค 15 คะแนน
- สอบปลายภาค 15 คะแนน
- อาจารย์ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่ม 9 คน 3 กลุ่ม / 10 คน 2 กลุ่ม โดยมีหัวข้อเรื่องที่ต้องทำ ดังนี้
- เด็ก ซี.พีเด็ก
- ดาวน์ซินโดรม
- เด็กออทิสติก
- เด็กสมาธิสั้น
- เด็กแอลดี
- ซึ่งกลุ่มของดิฉันได้หัวข้อ เรื่อง เด็กออทิสติก
- ทางการเเพทย์ จะเรียกว่า "เด็กพิการ" เพื่อใช้เกี่ยวกับการบำบัดรักษาเด็ก หมายถึง เด็กที่มีความผิดปกติ มัความบกพร่อง สูญเสียสมรรถภาพ อาจเป็นความผิดปกติ ความบกพร่องทางกาย การสูญเสียสมรรถภาพทางสติปัญญา ทางจิตใจ
- ทางการศึกษา หมายถึง เป็นเด็กที่ต้องได้รับการศึกษาเฉพาะของตัวเอง ซึ่งจำเป็นต้องจัดการศึกษาให้ต่างไปจากเด็กปกติทางด้านเนื้อหา กลักสูตร กระบวนการที่ใช้และกระประเมินผล
เด็กที่ไม่อาจพัฒนาความสามารถได้เท่าที่ควรจากการให้การช่วยเหลือ และการสอนตามปกติ
มีสาเหตุจากสภาพความบกพร่องทางร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ จำเป็นต้องได้รับการกระตุ้น ช่วยเหลือ การบำบัด และฟื้นฟู จัดการเรียนการสอนที่เหมาะกับลักษณะและความต้องการของเด็กแต่ละบุคคล
ประเภทของเด็กพิเศษ มี 10 ประเภท แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ 2 กลุ่ม คือ
- กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความสามารถสูง มีความเป็นเลิศทางสติปํญญา เรียกโดยทั่วๆไปว่า "เด็กสติปํญญาเลิศ"
- กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความบกพร่อง
- เด็กบกพร่องทางสติปัญญา
- เด็กบกพร่องทางการได้ยิน
- เด็กบกพร่องทางการเห็น
- เด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
- เด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
- เด็กบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
- เด็กที่มีปํญหาทางการเรียนรู้
- เด็กออทิสติก
- เด็กพิการซ้อน
- เด็กบกพร่องทางการได้ยิน
- เด็กบกพร่องทางการเห็น
- เด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
- เด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
- เด็กบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
- เด็กที่มีปํญหาทางการเรียนรู้
- เด็กออทิสติก
- เด็กพิการซ้อน
ประเภทที่ 1 เด็กบกพร่องทางสติปัญญา
หมายถึง เด็กที่มีระดับสติปํญญาหรือเชาว์ปํญญาต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยเมื่อเทียบเด็กในอายุเดียวกัน มี 2 กลุ่ม คือ 1. เด็กเรียนช้า 2. เด็กปัญญาอ่อน
ประเภทที่ 2 เด็กบกพร่องทางการได้ยิน
หมายถึง สูญเสียการได้ยินเป็นเหตุให้การรับฟังเสียงต่างๆ ได้ไม่ชัดเจน มี 2 ประเภท คือ 1. หูตึง 2. หูหนวก
ประเภทที่ 3 เด็กบกพร่องทางการเห็น
เด็กที่มองไม่เห็นหรือพอเห็นแสง เห็นเลือนลาง มีความบกพร่องทางสายตาทั้งสองข้าง สามารถเห็นได้ไม่ถึง 1/10 ของคนสายตาปกติ มีลานสายตากว้งไม่เกิน 30 องศา จำแนกได้ 2 ประเภท คือ 1. เด็กตาบอด 2. เด็กตาบอดไม่สนิท
หมายถึง เด็กที่มีระดับสติปํญญาหรือเชาว์ปํญญาต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยเมื่อเทียบเด็กในอายุเดียวกัน มี 2 กลุ่ม คือ 1. เด็กเรียนช้า 2. เด็กปัญญาอ่อน
ประเภทที่ 2 เด็กบกพร่องทางการได้ยิน
หมายถึง สูญเสียการได้ยินเป็นเหตุให้การรับฟังเสียงต่างๆ ได้ไม่ชัดเจน มี 2 ประเภท คือ 1. หูตึง 2. หูหนวก
ประเภทที่ 3 เด็กบกพร่องทางการเห็น
เด็กที่มองไม่เห็นหรือพอเห็นแสง เห็นเลือนลาง มีความบกพร่องทางสายตาทั้งสองข้าง สามารถเห็นได้ไม่ถึง 1/10 ของคนสายตาปกติ มีลานสายตากว้งไม่เกิน 30 องศา จำแนกได้ 2 ประเภท คือ 1. เด็กตาบอด 2. เด็กตาบอดไม่สนิท
สะท้อนการเรียนรู้
- ได้ความรู้เกี่ยวความหมาย ประเภทของเด็กพิเศษ
- ทำให้สามารถจำเนื้อหาการเรียนได้ดีขึ้น เพราะอาจารย์ได้ให้นักศึกษาจดเนื้อหาการเรียนใส่สมุดแต่หลังจากการเรียนอาจารย์จะแจกชีสเนื้อหาให้อีกที
การบ้าน
- บล็อค(บันทึการเข้าเรียนครั้งที่2)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น